MV มังกรหยกภาคใหม่ที่จะลงจอปีหน้าค่ะ

วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ผู้กล้าหาญคะนอง-กระบี่เย้ยยุทธจักร-เดชคัมภีร์เทวดา

คำอธิบายจากหนังสือสกัดจุดยุทธจักรมังกรหยกเฉี่ยเหงากังโอ๊ว (เซี่ยวเอ้าเจียงหู) เรื่องนี้ น.นพรัตน์แปล ครั้งแรกชื่อเรื่อง 'ผู้กล้าหาญคะนอง' แต่ ต่อมาเปลี่ยนชื่อตามภาพยนตร์โทรทัศน์ว่า 'กระบี่เย้ยยุทธจักร' เฉี่ยแปลว่ายิ้ม, หัวเราะ เหงา แปลว่า ผยอง, หยิ่ง กังโอ๊ว แปลว่ายุทธจักร รวมแล้วพอจะแปลเอาความได้ว่า 'ยิ้มผยอง (ใน) ยุทธจักร' หรือ 'ยิ้มผยอง หยันยุทธจักร' เรื่องนี้เป็นยอดเขาแห่งความสำเร็จอีกยอดหนึ่งของกิมย้งเมื่อเรื่อง 'แปดเทพอสูรมังกรฟ้า' โด่งดังในบรรณพิภพนั้น ผู้อ่านเป็นอันมากเชื่อว่ากิมย้งขึ้นมาถึงยอดเขา สูงสุดแล้ว คงไม่สามารถสร้างนิยายชั้นเยี่ยมแหวกแนวเรื่องนี้ไปได้อีก ความไม่เด่นของเรื่อง 'เทพบุตรทลาย ฟ้า' ยิ่งทำให้นักอ่านวิจารณ์เหล่านั้นเชื่อว่า ฝีมือของเขาถึงจุดอิ่มตัวแล้วแต่แล้วกิมย้งก็แหวกวงล้อมตัวเองออกมาได้อีก ในเรื่อง 'แปดเทพอสูรมังกรฟ้า' มีคนสารพัดชนิดแต่ไม่มี คนอย่างเหล็งฮู้ชง พอเหล็งฮู้ชงออกสู่โลกหนังสือก็เป็นผู้นำนิยายกำลังภายในเข้าสู่อาณาจักรใหม่คำตามโดยท่านกิมย้งบุคคลที่ชาญฉลาดเจ้าปัญญา ผู้ที่ห้าวหาญมีกำลัง ส่วนใหญ่ล้วนมักใหญ่ใฝ่สูง บรรทัดฐานของธรรมจริยา แบ่งแยกพวกเขาเป็นบุคคลสองประเภท ผู้ที่มีเป้าหมายอยู่ที่สร้างสรรค์ความสุขส่วนรวม นับเป็นคนดี ผู้ที่เห็น แก่ลาภยศสรรเสริญส่วนตนทำร้ายผู้อื่น นับเป็นคนเลว ความเป็นคนดีหรือเลวใหญ่หลวงเพียงไหนขึ้นอยู่กับ ระดับและจำนวนของการเอื้ออำนวยประโยชน์และสร้างความเสียหายขึ้นประวัติศาสตร์ทางการเมืองส่วนใหญ่เป็นคนเลวครองอำนาจ ดังนั้นมีคนคิดอุบัติขึ้นแทนที่ มีบ้างคิดกระทำการ เปลี่ยนแปลง แต่มีผู้คนอีกประเภทหนึ่งไม่ฝากความหวัง ต้องการเปลี่ยนแปลง และไม่ต้องการสุมหัวรวมกับ ผู้ครองอำนาจ ทางเลือกของพวกเขาคือถอนตัวจากวังวนแห่งการแก่งแย่งช่วงชิง ครองตัวอยู่อย่างสงบ ดัง นั้นจึงก่อเกิดฝ่ายครองอำนาจ ฝ่ายกบฏ ฝ่ายเปลี่ยนแปลงและผู้สันโดษขึ้นทัศนคติที่สืบทอดต่อกันมาของจีน กระตุ้นเตือนให้ผู้คนมุมานะหมั่นศึกษาเพื่อเข้ารับราชการหัดเยี่ยงขงจื้อที่ กระทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่กับผู้สันโดษก็ให้คำวิจารณ์อย่างสูง ผู้สันโดษไม่ได้มีส่วนสร้างสรรค์ต่อสังคม แต่การกระทำของพวกเขาแตกต่างกับผู้แก่งแย่งชิงอำนาจ ชี้นำขอบข่ายของการดำรงคงอยู่ อีกประการหนึ่ง ด้านธรรมจริยา ชาวจีนให้การเรียกร้องต่อผู้คนอย่างกว้างๆ ขอเพียงไม่ทำร้ายถึงผู้อื่น ก็นับเป็นคนดีในหนังสือลุ่นงื่อ (ตรรกบท) เขียนถึงผู้สันโดษมากหลาย ประกอบด้วยคนเฝ้าประตูผู้แกล้งบ้าชอเล็กทง แป๊ะอี้ เจ่กฉี้ ง้อตง อี้อิด จูเจียง ลิ่วเตียหุยทั้งหลาย ขงจื้อให้การยกย่องพวกเขาเหล่านั้น ถึงแม้ว่าจะไม่เห็น ด้วยกับวิธีการของพวกเขาก็ตามขงจื้อแบ่งสันโดษเป็นสามชนิด เช่น แป๊ะอี้เป็นผู้ไม่ละทิ้งปณิธานตัวเอง ไม่ยอมสูญเสียศักดิ์ศรีตัวเอง เช่น ลิ้วเหียหุยยอมสูญเสียปณิธานและศักดิ์ศรี แต่ประพฤติชอบด้วยเหตุผล เช่นบ้อตงที่ถอนตัวเร้นกาย วิจารณ์ อย่างอุกอาจ ไม่กระทำเรื่องชั่วร้าย ไม่เข้าร่วมกับการเมืองเมื่อเข้าร่วมกับบทบาททางการเมือง มิอาจไม่ละทิ้งปณิธานและศักดิ์ศรี ประการสำคัญอยู่ที่ "ตัวบุคคล" หากรับ ราชการเพื่อผลประโยชน์ของปวงชน มิเห็นจะไม่ได้ ขอเพียงยึดมั่นในหลักการรับใช้ปวงชน ไม่คำนึงถึงชื่อ เสียงลาภยศส่วนตัว ถึงแม้มิอาจไม่ทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา แต่ก็กล่าวได้ว่าเป็นผู้สันโดษข้าพเจ้าเขียนนิยายกำลังภายใน เพื่อต้องการเขียนธาตุแท้ใจคอของคนเช่นเดียวกับนวนิยายส่วนใหญ่ ระหว่าง เขียนกระบี่เย้ยยุทธจักร สาธารณรัฐประชาชนจีนเกิดการปฏิวัติวัฒนธรรมแก่งแย่งชิงอำนาจอย่างรุนแรง ฝ่าย ครองอำนาจกับฝ่ายกบฏเพื่อช่วงชิงซึ่งอำนาจ ดำเนินวิธีการต่างๆนานา แสดงออกซึ่งจุดด่างในธาตุแท้ใจคอ ของคน ข้าพเจ้าเขียนบทนำให้กับหนังสือพิมพ์เม้งป่อ แสดงปฏิกิริยาต่อการกระทำอันสกปรกโสมมทางการเมือง อย่างรุนแรง ย่อมเกิดผลสะท้อนต่อนิยายกำลังภายใน ซึ่งเขียนติดต่อกันเป็นประจำทุกวันนิยายเรื่องนี้ไม่ได้มีเจตนาโจมตีการปฏิวัติวัฒนธรรม หากแต่อาศัยตัวละครในหนังสือตีแผ่ปรากฏการณ์โดยทั่วไป ในประวัติศาสตร์ทางการเมืองของจีนซึ่งดำเนินติดต่อกันมาสามพันกว่าปี นิยายที่เขียนโจมตีไม่มีความหมายเท่าใด เหตุการณ์ทางการเมืองผันผวนอยู่ทุกเมื่อ มีแต่การตีแผ่ธาตุแท้ใจคอของคนจึงมีคุณค่าระยะยาวกว่า การแก่งแย่ง ชิงอำนาจโดยไม่คำนึงถึงทุกสิ่งเป็นสภาพการณ์ขั้นพื้นฐานในวิถีชีวิตทางการเมืองทั้งในและนอกประเทศ หลายพัน ปีที่ผ่านมาเป็นเช่นนี้ หลายพันปีให้หลังเกรงว่ายังคงเป็นเช่นนี้ยิ่มอั้วเกีย ตังฮึงปุกป่าย งักปุกคุ้งและจ้อแนเซี้ยง ขณะที่ข้าพเจ้านึกวาดมโนภาพไม่ใช่ยอดฝีมือชาวบู๊ลิ้ม หากแต่ เป็นนักการเมือง ลิ้มเพ้งจือ เฮี่ยงมุ่งเทียน เจ้าอาวาสปึงเจ่ง ชงฮือเต้าเจี้ยง เตี่ยวเอ้ยซือไถ่ มกไต้ซิงแซ อื้อชังไฮ้ ทั้งหลายก็เป็นนักการเมือง บุคคลหลากสีหหลากสันเหล่านี้ มีอยู่ในทุกยุคทุกสมัย คาดว่ามีอยู่ในประเทศอื่นด้วยคำขวัญ "อายุยั่งยืนหมื่นปี สยบทุกแคว้นธรณี" ได้เขียนในหนังสือตั้งแต่ปี ค.ศ.1960 ยิ่มอั้วเกี้ยครองอำนาจใหญ่ ก่อเกิดเป็นสภาพฟอนเฟะ นับเป็นปรากฏการณ์โดยทั่วไปของธาตุแท้ใจคอผู้คนเหล่านี้ ไม่ได้ต่อเติมหรือแก้ไขในการ ปรับปรุงใหม่ครั้งนี้แต่อย่างไรขณะที่กระบี่เย้ยยุทธจักรนำลงในหนังสือพิมพ์เม้งป่อ หนังสือพิมพ์ภาษาจีน ภาษาเวียดนาม ภาษาฝรั่งเศสในไซ่ง่อน จำนวนยี่สิบเอ็ดฉบับได้นำลงพร้อมกัน ระหว่างมีการประชุมในรัฐสภาเวียดนามใต้ มักมีสมาชิกรัฐสภากล่าวหาอีก ฝ่ายหนึ่งเป็นงักปุกคุ้ง ซึ่งเป็นตัวแทนของเผด็จการ คาดว่าสถานการณ์ทางการเมืองของเวียดนามใต้ตอนนั้นเกิด การผันผวน บุคคลทั่วไปบังเกิดความสนใจต่อการต่อสู้ทางการเมืองเป็นพิเศษเหล็งฮู้ชงมีนิสัยสันโดษมาแต่กำเนิด ไม่มีความสนใจต่ออำนาจ เอี่ยงเอี้ยงก็เป็นผู้สันโดษ นางมีอำนาจฆ่าฟันผู้ห้าว หาญชาวยุทธจักร แต่ยินยอมเร้นกายในตรอกคับแคบเมืองลกเอี้ยง ดีดพิณเป่าขลุ่ยบำเรออารมณ์ ในชีวิตนาง เน้นถึงอิสระส่วนตัว ความสำคัญเพียงหนึ่งเดียวคือความรัก โกวเนี้ยนางนี้ขวยเขินเอียงอาย แต่ด้านความรักนาง เป็นฝ่ายเสนอ เหล็งฮู้ชงตกหลุมรักงักเล้งซังโดยไม่อาจควบคุมตัวเอง มีแต่ตอนอยู่บนทางหลวงข้างดงเกาเหลียง ระหว่างที่โดยสารรถคันเดียวกับเอี่ยงเอี้ยง ความรักอันงมงายที่มีแต่งักเล้งซังค่อยสูญสลาย ได้รับการปลด เปลื้องทางใจ ตอนจบของนิยายเรื่องนี้ เอี่ยงเอี้ยงเกาะกุมมือเหล็งฮู้ชงไว้ ทอดถอนใจกล่าวว่า "คิดไม่ถึงเรา ยิ่มเอี่ยงเอี้ยงก็ถูกวานรใหญ่ตัวหนึ่งผูกมัดไว้ไม่อาจแยกจากกัน" ความรักของเอี่ยงเอี้ยงลงเอยอย่างสุขสมิ แต่ อิสระของเหล็งฮู้ชงกลับถูกผูกมัดไว้ อาจบางทีมีแต่ความรักข้างเดียวของงี้นิ้ม อิสระของเขาจึงไม่ได้ถูกผูกมัดคนมีชีวิตในโลก ไม่สามารถมีอิสระสมบูรณ์พร้อม คิดหวังปลดเปลื้องทุกสิ่ง ได้คิดโดยปรุโปร่ง มิใช่วิสัยของผู้คน มิใช่วิสัยของผู้คนธรรมดา ผู้คนที่กระตือรือร้นต่อการเมืองและมัวเมาในอำนาจ ถูกความทะเยอทะยานผลักดันให้ กระทำเรื่องราวที่ผิดมโนธรรมประจำใจแท้ที่จริงเป็นบุคคลที่น่าเวทนาในศิลปวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาของจีน ไม่ว่ากาพย์กลอนร้อยแก้ว บทละคร ภาพวาดการแสวงหาความปลดปล่อย ของนิสัยจำเพาะเป็นหัวข้อที่โดดเด่นที่สุด ยุคสมัยยิ่งปั่นป่วนชีวิตราษฎรยิ่งลำบากยากแค้น หัวข้อนี้ยิ่งโดดเด่นกว่า เดิม"คนอยู่ในยุทธจักร ไม่เป็นตัวของตัวเอง" คิดถอนตัวเร้นกายมิใช่เรื่องง่ายดาย เล้าเจียฮวงแสวงหาอิสระแห่งศิลปะ ยึดมั่นในมิตรจิตมิตรใจ คิดล้างมือในอ่างทอง สี่สหายกังหนำซ่อนตัวเร้นกายในหมู่บ้านเหมย หวังเสพสุขจากพิณ หมากรุกพู่กันภาพวาด พวกเขาล้วนทำไม่ได้ต้องพลีชีวิตไป ทั้งนี้เพราะไม่เป็นที่ยอมรับของการแก่งแย่งชิงอำนาจทาง การเมืองสำหรับก๊วยเจ๋งที่เป็นวีรบุรุษที่แท้ พลีชีพเพื่อชาติเพื่อราษฎร ยิ่งเป็นที่เด่นชัดด้านธรรมจริยา เหล็งฮู้ชงมิใช่วีรบุรุษ หากแต่เป็นผู้สันโดษที่แสวงหาอิสรเสรีและการปลดปล่อยของนิสียจำเพาะ เหล็งฮู้ชงกลับมีนิสัยคึกคะนอง ไม่ยอมถูก ควบคุมบังคับ ระหว่างอยู่บนผาไม้ดำ ไม่ว่าเอี้ยเน้ยเต็งหรือยิ่มอั้วเกี้ยครองอำนาจ ผู้อื่นเพียงเผยอยิ้ม จะเผชิญเภท ภัยฆ่าฟันถึงแก่ชีวิต เขากลับไม่นำพา ความอิสรเสรีของการยิ้มเย้ยยุทธจักรคือเป้าหมายที่ชนชั้นเหล็งฮู้ชงเสาะแสวงหาทั้งนี้เพราะต้องการเขียนอุปนิสัยโดยพื้นเพทั่วไป และปรากฏการณ์ปรกติวิสัยทางการเมือง ดังนั้นนิยายเรื่องนี้ไม่ได้ มีฉากประวัติศาสตร์ เพื่อแสดงออกว่าเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นในทุกยุคทุกสมัยกิมย้งพฤษภาคม 1980

ไม่มีความคิดเห็น: